ยินดีต้อนรับทุกท่านนะค่ะ โอกาสหน้าแวะมาเยี่ยมเราอีกนะค่ะ ที่นี้เลย www.happy-111.blogspot.com

วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ทำสมาธิ ช่วยลดความอ้วน

กรรมฐาน-เข้าสมาธิ เพื่อการลดน้ำหนัก


ขณะนี้ฝรั่งหันมาสนใจกรรรมฐานกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้กรรมฐานเพื่อการลดน้ำหนัก หลายสิบปีมาแล้วในยุคซิกตีส์ตอนที่วงดนตรี เดอะบีทเทิลส์ กำลังดังทะลุฟ้า วิชากรรมฐานดังขึ้นมา ทำให้เป็นที่รู้จักของฝรั่ง เนื่องจากนักดนตรีสี่เต่าทอง หันไปสนใจวิชากรรมฐาน ไปเรียนวิชากับอาจารย์มหาฤาษีที่อินเดีย กรรมฐาน หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า meditation จึงดังระเบิดิพระอาจารย์มหาฤาษีองค์นั้น ก็พลอยดังขึ้นมาเหมือนกัน ได้รับเชิญไปทัวร์ ไปสอนวิชาไปออกทีวีในประเทศตะวันตกมากมาย ตอนท่านมหาฤาษีสอนทฤษฎีกรรมฐานที่เรียกว่า transcendental meditation หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า T.M.

ที่จริงกรรมฐานเป็นวิชาที่มานานหลายพันปีก่อนพุทธกาลเสียอีก ในพระไตรปิฎกมีกล่าวถึงเรื่องนี้ใน มหาสติปัฏฐานสูตร พระพุทธเจ้าเคยไปเรียนวิชานี้กับพระอาจารย์ที่เก่งที่สุดในสมัยนั้นหลายสำนัก จนรู้แจ้งทำได้หมดสิ้นแล้วยังพัฒนาไปไกลกว่าที่มีอยู่ กรรมฐานแบ่งใหญ่ๆ เป็นสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน สมถกรรมฐานเป็นการเข้าสมาธิที่พระพุทธเจ้าคิดขึ้นเอง เป็นการเพ่งพิจารณาทางด้านธรรมะ เช่น พิจารณาขันธ์ห้า ฯลฯ

กรรมฐานที่ฝรั่งนำเอาไปปฏิบัติกันเป็นแค่สมถกรรมฐาน อย่างเช่น T.M. ของมหาฤาษีก็เป็นสมถกรรมฐานเหมือนกัน แต่ใช้ในการท่องบ่นมนรากำกับจิตใจ ทุกวันนี้วิชากรรมฐานเข้าถึงพวกฝรั่งกันมากขึ้น มีการนำเอาวิชานี้ไปใช้ผ่อนคลายรักษาความเครียดในชีวิตประจำวัน หมอและโรงพยาบาลหลายแห่งในสหรัฐฯ แนะนำให้คนไข้เอาไปทำกัน มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่าการนั่งสมาธิสามารถลดความดันโลหิต ทำให้หลอดเลือดมีสุขภาพดีขึ้น จิตใจดีขึ้นเพราะความสงบระงับคลื่อนสมองของคนนั่งสมาธิที่เข้าฌานลึก มีลักษณะนิ่งกว่าคลื่นสมองของคนนอนหลับเสียอีก ขณะนี้นักควบคุมน้ำหนักตัวอ้างว่ามันมีผลดีต่อการลดน้ำหนักด้วย

ที่แมสซาซูเล็ตเมติคัลเซ็นเตอร์ มีการสอนให้คนไข้ลดความเครียดและความอ้วนโดยเทคนิคที่เรียกว่า Raisin Meditation หรือ ลูกเกดกรรมฐาน โดยเขาแจกลูกเกดให้นักเรียนคนละ 2 เม็ด ในดการกินแต่ละเม็ดให้ใช้เวลาอย่างน้อย 5 นาที ก่อนจะกินแต่ละเม็ดให้นักเรียนครุ่นคิดพิจารณาถึงกลิ่น สีสัน สัมผัส แล้วนึกถึงพื้นเพที่มาของลูกเกดตั้งแต่ที่มันยังอยู่บนต้นองุ่น ชาวไร่ให้การดูแลฟูมฟักรักษา
แล้วชาวไร่ก็เก็บมันมาคัดเลือก ตากให้แห้ง แล้วเอามาขายหรือส่งออก หลังจากการพิจารณาอย่างนั้นแล้วก็เอามันเข้าปาก ตอนเข้าปากก็พยายามใช้ลิ้นสัมผัสรับรสแล้วเคี้ยวช้าๆ ขณะที่เคี้ยวก็พยายามจดจ่อสมาธิให้ร้สึกตัวถุกอิริยาบถ ให้รู้ว่ากำลังเคี้ยวลิ้นกำลังเคลื่อนไหวอย่างไร และพยายามทำให้น้ำและเนื้อลูกเกดให้สัมผัสกับต่อมรับรสบนลิ้นให้ทั่วถึง ทำให้นกินได้รับทั้งรูป รส กลิ่น สัมผัส และ.เสียง (เคี้ยว) เมื่อเสร็จกระบวนการดังกล่าวแล้วก็ทำการกลืน ตอนที่กลืนก็อาจจะพูดกับตัวเองอย่างสุภาพอ่อนหวานว่า "ตอนนี้เรามีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเท่ากับหนึ่งลูกเกดแล้วนะจ๊ะ" เมื่อกินลูกเกดเม็ดแรกจบตามกระบวนการกรรมฐานแล้วก็เริ่มกินเม็ดที่สองแบบเดียวกัน การทำอย่างนี้จะทำให้กินอาหารช้าลงมาก ทำให้ความหิวลดน้อยลงหรือหายไปก่อนที่จะกินอาหารเข้าไปมากเกินไป ท่านอาจจะเอาวิธีนี้ไปลองทำขณะกินข้าวยำดู ข้าวยำมีส่วนผสมหลายอย่าง ทำให้มีเรื่องคิดพิจารณามากมาย ตั้งแต่มะพร้าว ถั่วงอก ถั่วฝักยาว ข้าวสวย จนถึงเทวดา นางฟ้า ที่อยู่บนสวรรค์

การทำกรรมฐานร่วมกับการกินแบบนี้ทำให้คนกินอาหารน้อยลง แต่ได้รับรู้รสชาติอาหารมากขึ้น มีความสุขสงบมากขึ้น และถ้ามีพลังใจทำไปได้จนเป็นนิสัยก็สามารถช่วยลดน้ำหนักได้แน่

ที่จริงท่านสอนไว้ว่ากรรมฐานเป็นสิ่งที่ทำได้ทุกขณะจิต ความคิดจิตของเราคิดถึงแต่สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ก็เท่ากับเข้าสมาธิกรรมฐานอยู่แล้ว การทำกรรมฐานไม่จำเป็นต้องไปทำที่วัดหรือสำนักฤาษีใดๆ คุณอาจจะลองทำที่ทำงานในเวลาที่ว่างก็ได้ โดยการนั่งตัวตรง หลับตา ปล่อยวางกล้ามเนื้อให้คลายตัว เพ่งสมาธิไปที่การหายใจเข้าออก พลางบอกตัวเองว่ายุบหนอพองหนอทุกครั้งมที่หายใจออกและหายใจเข้า ส่วนมากเวลาที่ทำในตอนแรกๆ จิตใจมักจะวอกแวกหลุดจากสมาธิ เนื่องจากมีวิวรณ์ห้าอย่างคือ ความใคร่ในกาม ควาามอาฆาตพยาบาท ความหงุดหงิดรำคาญใจ ความสงสัยคลางแคลงใจ ความง่วงเหงาหาวนอน แต่ไม่เป็นไร เมื่อเรารู้ตัวเมื่อเรารู้ตัวก็เพ่งสมาธิกลับเข้ามาใหม่ ฝึกไปฝึกมาตื้อบ่อยๆ เข้าไปทนไม่ไหวมันก็จะมีสมาธิขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย เขาแนะนำให้ทำอย่างนี้วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 10-20 นาที เมื่อเราฝึกมากๆ เข้าจิตใจเราจะมีพลัง สามารถต่อสู้กับกิเลสพื้นๆ ได้ เช่น สู้กับความหิว เป็นต้น

หลายคนอาจจะคิดทำกรรมฐรานเป็นเรื่องเป็นราวเอาจริงเอาจัง ซีเรียสมาก การทำแบบนั้นต้องไปหาอาจารย์ให้ช่วยสอนช่วยประคับประคอง เพราะว่าคนที่เข้าสมาธิแบบซีเรียสเมื่อเข้าไปถึงจุดที่ได้ฌานสมบัติลึกๆ แล้วระบบประสาทสมองจะมองเห็นผีสาง เทวดา นางฟ้า โอปปาติกะ ตามธรรมชาติของสมองที่สงบถึงจุดนั้น ถ้าไม่มีอาจารย์คอยดึงไว้ก็อาจจะเกิดหลงเชื่อว่าภาพที่เห็นเป็นของจริงหลงผิดเข้าป่ามีความคิดว่า สรรพสิ่งมีอัตราหาทางออกไม่เจอ การเข้าสมาธิแบบจริงจังอย่างนั้นไม่ใช่ของเด็กเล่น เขามีไว้สำหรับคนที่มีเวลามาก คนที่เห็นว่าที่นี่วุ่นวายหนอ สำหรับเราท่านที่ยังต้องปากกัดตีนถีบ เลี้ยงลูกเมียครอบครัวหรือทำงานเป็นลูกจ้างออฟฟิตเห็นทีจะไม่ดีแน่ เรามาทำกันแค่กรรมฐานเพื่อลดน้ำหน้กก็พอแล้วนะ

ที่มา : women.sanook.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น