ผู้อ่าน จำนวนมากที่นิยมปลูกว่านยา อยากทราบว่า “ว่านคันทมาลา” มีกี่ชนิด เพราะมีบางพื้นที่เรียกอีกชื่อว่า “ว่านคันทมาลาน้อย” เป็นตัวเดียวกันหรือไม่ ในเรื่องนี้ขอยืนยันว่า เป็นชนิดเดียวกันแน่นอน เพียงแต่มีชื่อเรียก 2 ชื่อ มาแต่โบราณแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ จะรู้เฉพาะชื่อแรกคือ “ว่านคันทมาลา” เท่านั้น ส่วน “ว่านคันทมาลาน้อย” จะรู้กันในหมู่หมอว่าน เลยทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดคิดว่ามีหลายตัว และเกิดความสับสน ซึ่ง “ว่านคันทมาลา” หรือ “ว่านคันทมาลาน้อย”
นอกจากจะมีสรรพคุณเป็นยาดีแล้ว ยังสามารถปลูกเป็นไม้ประดับได้อีกด้วย เนื่องจากมีดอกสวยงามแปลกตาดี ชาวต่างชาติพบมีขายที่ไหนจะซื้อเหมาหมดทันที โดยจะส่งหัวของ “ว่านคันทมาลา” หรือ “ว่านคันทมาลาน้อย” ไปยังประเทศเขาแล้วปลูกเป็นไม้ประดับได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
ในส่วน ของสรรพคุณทางสมุนไพร ตำราว่านระบุว่า หัว ของ “ว่านคันทมาลา” หรือ “ว่านคันทมาลาน้อย” นำไปล้างน้ำให้สะอาดโขลกละเอียดผสมกับเหล้าโรง 40 ดีกรี กะจำนวนว่านพอประมาณ เหล้าพอท่วมยา หรือจะใช้สูตรเหล้า 1 ขวดต่อหัวว่านโขลกละเอียด 1 ใน 3 ของเหล้า 1 ขวด ดองให้ครบ 24 ชั่วโมง แล้วตักดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 2 เวลา เช้า-เย็น ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ จะเป็นยารักษาฝีต่างๆได้เด็ดขาดนัก โดยเฉพาะฝีประคำร้อย ฝีมะม่วง สมัยก่อนหนุ่มๆเป็นกันเยอะ สาเหตุมาจากการติดเชื้อจากผู้หญิงขายบริการ ตัวฝีจะขึ้นที่บริเวณขาหนีบ เมื่อเป็นแล้วเดินเหินลำบาก คนทั่วไปรู้จะทำให้อับอายมาก ดังนั้น ผู้เป็นฝีมะม่วงจึงต้องนอนรักษาตัวอยู่แต่ในบ้าน ส่วนใหญ่ ใช้สูตรยา “ว่านคันทมาลา” หรือ “ว่านคันทมาลาน้อย” หายได้ชะงัดนัก แต่ก่อนจะใช้ ตำราว่านให้ว่าคาถากำกับคือ “นะโมพุทธายะ” จำนวน 3 จบ ทุกครั้ง 
ว่านคันทมาลา หรือ “ว่านคันทมาลาน้อย” เป็นไม้ล้มลุก มีหัวใต้ดิน ลำต้นแทงขึ้นจากหัวคล้ายขิง หรือข่า ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปใบคล้ายใบว่านมหาเมฆ ร่องกลางใบเป็นสีแดง หัว คล้ายหัวว่านมหากำลัง หัวมีขนาดใหญ่ มีแง่งแตกแขนงออกด้านข้าง 2 ด้าน เนื้อในว่านเป็นสีม่วง หักดูเห็นชัดเจน (ภาพที่เสนอประกอบคอลัมน์ถ่ายแล้วดูเป็นสีขาว อาจเป็นเพราะเปิดหน้ากล้องผิด แต่ยังพอสังเกตมีสีม่วงบริเวณขอบเนื้อว่าน) มีกลิ่นฉุนจัด ดอกออกเป็นช่อคล้ายดอกกระเจียว กลีบประดับแข็ง เป็นสีเขียวปนขาวและชมพู ส่วนกลีบดอกที่แลบออกจากซอกกลีบเลี้ยง เป็นสีเหลืองสด รูปกรวยยาว ทำให้ดูสวยงามมาก ดอกออกช่วงฤดูฝน ขยายพันธุ์ด้วยหัว ใครต้องการหัว ไปปลูกหรือใช้ประโยชน์ ตามที่กล่าวข้างต้น ติดต่อ “คุณบุญชิต” โทร. 0-2749-2658 ราคาสอบถามกันเองครับ.
นอกจากจะมีสรรพคุณเป็นยาดีแล้ว ยังสามารถปลูกเป็นไม้ประดับได้อีกด้วย เนื่องจากมีดอกสวยงามแปลกตาดี ชาวต่างชาติพบมีขายที่ไหนจะซื้อเหมาหมดทันที โดยจะส่งหัวของ “ว่านคันทมาลา” หรือ “ว่านคันทมาลาน้อย” ไปยังประเทศเขาแล้วปลูกเป็นไม้ประดับได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
ในส่วน ของสรรพคุณทางสมุนไพร ตำราว่านระบุว่า หัว ของ “ว่านคันทมาลา” หรือ “ว่านคันทมาลาน้อย” นำไปล้างน้ำให้สะอาดโขลกละเอียดผสมกับเหล้าโรง 40 ดีกรี กะจำนวนว่านพอประมาณ เหล้าพอท่วมยา หรือจะใช้สูตรเหล้า 1 ขวดต่อหัวว่านโขลกละเอียด 1 ใน 3 ของเหล้า 1 ขวด ดองให้ครบ 24 ชั่วโมง แล้วตักดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 2 เวลา เช้า-เย็น ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ จะเป็นยารักษาฝีต่างๆได้เด็ดขาดนัก โดยเฉพาะฝีประคำร้อย ฝีมะม่วง สมัยก่อนหนุ่มๆเป็นกันเยอะ สาเหตุมาจากการติดเชื้อจากผู้หญิงขายบริการ ตัวฝีจะขึ้นที่บริเวณขาหนีบ เมื่อเป็นแล้วเดินเหินลำบาก คนทั่วไปรู้จะทำให้อับอายมาก ดังนั้น ผู้เป็นฝีมะม่วงจึงต้องนอนรักษาตัวอยู่แต่ในบ้าน ส่วนใหญ่ ใช้สูตรยา “ว่านคันทมาลา” หรือ “ว่านคันทมาลาน้อย” หายได้ชะงัดนัก แต่ก่อนจะใช้ ตำราว่านให้ว่าคาถากำกับคือ “นะโมพุทธายะ” จำนวน 3 จบ ทุกครั้ง
ว่านคันทมาลา หรือ “ว่านคันทมาลาน้อย” เป็นไม้ล้มลุก มีหัวใต้ดิน ลำต้นแทงขึ้นจากหัวคล้ายขิง หรือข่า ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปใบคล้ายใบว่านมหาเมฆ ร่องกลางใบเป็นสีแดง หัว คล้ายหัวว่านมหากำลัง หัวมีขนาดใหญ่ มีแง่งแตกแขนงออกด้านข้าง 2 ด้าน เนื้อในว่านเป็นสีม่วง หักดูเห็นชัดเจน (ภาพที่เสนอประกอบคอลัมน์ถ่ายแล้วดูเป็นสีขาว อาจเป็นเพราะเปิดหน้ากล้องผิด แต่ยังพอสังเกตมีสีม่วงบริเวณขอบเนื้อว่าน) มีกลิ่นฉุนจัด ดอกออกเป็นช่อคล้ายดอกกระเจียว กลีบประดับแข็ง เป็นสีเขียวปนขาวและชมพู ส่วนกลีบดอกที่แลบออกจากซอกกลีบเลี้ยง เป็นสีเหลืองสด รูปกรวยยาว ทำให้ดูสวยงามมาก ดอกออกช่วงฤดูฝน ขยายพันธุ์ด้วยหัว ใครต้องการหัว ไปปลูกหรือใช้ประโยชน์ ตามที่กล่าวข้างต้น ติดต่อ “คุณบุญชิต” โทร. 0-2749-2658 ราคาสอบถามกันเองครับ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น