ยินดีต้อนรับทุกท่านนะค่ะ โอกาสหน้าแวะมาเยี่ยมเราอีกนะค่ะ ที่นี้เลย www.happy-111.blogspot.com

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2552

โรคอ้วนอันตรายอย่างไร

พ.ญ.ปิติพร รัตนทวีบุญ

ท่านเชื่อไหมว่าชายไทยน้ำหนักเกินร้อยละ 19 และร้อยละ 3 มีโรคอ้วน ส่วนหญิงไทยน้ำหนักเกินร้อยละ 33 และร้อยละ 9 มีโรคอ้วน ซึ่งดูเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ สาเหตุก็เนื่องจากอาหารการกินที่อุดมไปด้วยแป้งและไขมันนานาชนิดในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งชีวิตที่สะดวกสบายขาดการออกกำลังกาย ทำให้พลังงานที่เข้าสู่ร่างกายมากกว่าที่ใช้ไป ดังนั้นร่างกายจึงสะสมพลังงานส่วนเกินในรูปไขมันทำให้เกิดโรคอ้วนตามมา

ความอ้วนมีอันตรายอย่างไร

ไม่น่าเชื่อว่าโรคอ้วนนำมาสู่โรคอื่นๆตามมาอีกมากมาย เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง นิ่วในถุงน้ำดี ปวดเข่า ปวดหลัง นอนกรน ทางเดินหายใจอุดกั้น และเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ มะเร็งเต้านม มะเร็งเยื่อบุมดลูกและมะเร็งลำไส้

ทำอย่างไรจึงจะทราบว่าเป็นโรคอ้วน

คุณต้องคำนวณดัชนีมวลกาย โดย ดัชนีมวลกาย=น้ำหนัก(กิโลกรัม)/ส่วนสูง(เมตร) 2
เช่น น้ำหนัก 50 กิโลกรัม สูง 1.52 เมตร ดัชนีมวลกาย = 50/1.522

= 21.6

ดัชนีมวลกาย ≥ 25 เรียกว่าน้ำหนักเกิน แต้ถ้า≥ 30 เรียกว่าโรคอ้วน

จะทำอย่างไรเมื่อเป็นโรคอ้วน

การรักษาต้องประกอบด้วยการลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย เพื่อลดพลังงานส่วนเกินที่เข้าสู่ร่างกาย คุณควรรับประทานอาหารที่ให้แคลอรี่ต่ำ เน้นผักและผลไม้ไม่หวานจัด รับประทานอาหารที่ปรุงด้วยวิธีนึ่งต้ม มากกว่าผัดทอด งดน้ำอัดลม น้ำผลไม้ น้ำหวาน ส่วนการออกกำลังกาย หากคุณไม่มีเวลาให้เริ่มแรกเน้นกิจกรรมในชีวิตประจำวันก่อนเช่นขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ เป็นต้น แต่ถ้าคุณมีเวลาควรออกกำลังกาย อาทิตย์ละ 3-5ครั้ง ครั้งละครึ่งชั่วโมง จะเป็นประโยชน์ต่อหัวใจและป้องกันเบาหวานได้ด้วย
สำหรับยารักษาโรคอ้วนที่ได้รับการยอมรับให้ใช้ในขณะนี้ประกอบด้วย 2 กลุ่มหลัก กลุ่มแรกลดการดูดซึมของไขมันในลำไส้ และอีกกลุ่มลดความอยากอาหาร แต่อย่างไรก็ตามยาทั้ง 2 กลุ่มควรใช้ในกรณีมีข้อบ่งชี้ และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น